ในโรงงานอุตสาหกรรมนั้น นอกจากจะใช้คอมพิวเตอร์ทำบัญชีต่างๆ เช่น บัญชีเงินเดือน บัญชีลูกหนี้ และบัญชีเจ้าหนี้แล้ว ก็อาจจะใช้คอมพิวเตอร์ช่วยงานของโรงงานโดยตรง เช่น การจัดส่งสินค้าตามใบสั่ง การควบคุมวัสดุคงคลัง การจัดการผลิต และการคิดราคาต้นทุนสินค้า เป็นต้น
ในการจัดสินค้าส่งตามใบสั่ง (order filling) นั้น วัตถุประสงค์ เพื่อให้สามารถจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า โดยรวดเร็ว สมมติว่า พนักงานเจาะบัตรเจาะใบสั่งสินค้าของบ่ายวันที่ผ่านมา และของเช้าวันนั้นเสร็จภายใน ๑๒.๐๐ นาฬิกา ระหว่างเวลาที่พนักงานหยุดพักรับประทานอาหารกลางวัน คอมพิวเตอร์ก็จะพิมพ์ใบหยิบสินค้า (picking label) ให้ เมื่อพนักงานคลังสินค้ากลับเข้าทำงานเวลา ๑๓.๐๐ น. ก็เริ่มจัดสินค้าลงหีบห่อได้ทันทีภายใน ๑๗.๐๐ นาฬิกาของวันนั้น ส่วนตอนเช้า พนักงานคลังสินค้าก็จะได้มีเวลาตรวจสินค้าคงคลัง และจัดสินค้าที่มาใหม่
นอกจากพิมพ์ใบหยิบสินค้าแล้ว คอมพิวเตอร์จะพิมพ์ใบจัดสินค้าเข้าหีบห่อ (packing slips) จัดปรับปรุงแก้ไขแฟ้มข้อมูลวัสดุคงคลัง และจัดรายการสำหรับทำใบส่งของ
ถ้าสินค้าไม่พอ คอมพิวเตอร์ก็จะทราบ เพราะมีแฟ้มข้อมูลวัสดุคงคลังอยู่ คอมพิวเตอร์จะจัดส่งสินค้าที่ขาดให้ เพื่อจัดส่งในวันต่อๆ ไป
คอมพิวเตอร์อาจจะทำรายงานต่างๆ ให้ด้วย เช่น จำนวนลูกค้าที่สั่งสินค้าแต่ละชนิด จำนวนชิ้นสินค้าที่สั่งโดยเฉลี่ย และเนื้อที่ หรือปริมาตรที่ต้องใช้ในการเก็บสินค้า
เมื่อส่งสินค้าได้เร็วขึ้นก็มีทางเก็บเงินได้เร็วขึ้น มีทางขายสินค้าได้มากขึ้น และเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสินค้าน้อยลง
นอกจากจะใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจัดสั่งสินค้าแล้ว ก็อาจใช้คอมพิวเตอร์ช่วยงานสินค้าคงคลัง ซึ่งจะเห็นผลได้ชัดเจน ทั้งทางด้านความต้องการเงินสด และด้านกำไร หลักสำคัญก็คือ จัดส่งสินค้าจากผู้ผลิตให้มีมากพอขาย แต่ไม่ให้มากเกินไป ถ้ามีสินค้ามากเกินไปขายไม่หมด ก็เสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา และเสียผลประโยชน์ ที่จะได้จากการเอาเงินไปใช้หมุนเวียนทางอื่น
ข้อมูลที่สำคัญในการควบคุมวัสดุคงคลัง คือ แฟ้มข้อมูลหลักซึ่งอาจจะได้มาจากระบบจัดสั่งสินค้าหรือสร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อทำงานด้านวัสดุคงคลังอย่างไรก็ตามแฟ้มข้อมูลหลักจะระบุความต้องการของสินค้าทุกชนิดในอดีตและการเคลื่อนไหวของสินค้าเหล่านั้นในปัจจุบัน
การใช้ประวัติความต้องการสินค้ามาทำนายความต้องการในเดือนต่อๆ ไป มีสูตรและวิธีทำนายหลายประเภทวิธีทำนายต่างๆ นี้มีผลต่างกันฉะนั้นพนักงานจัดซื้อจะต้องพิจารณาการทำนายแบบต่างๆ นี้โดยถี่ถ้วนจะต้องพิจารณาผลที่ได้จากการลงทุนความยากง่าย และปลอดภัยในการเก็บสินค้า เวลาที่ต้องรอตั้งแต่เริ่มสั่งจนได้รับสินค้า คอมพิวเตอร์จะใช้ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ไปคิดว่า เมื่อใดควรจะสั่งสินค้าชนิดใดเท่าใด
นอกจากประวัติความต้องการสินค้าแล้วคอมพิวเตอร์จะคำนึงถึงข้อมูลภายนอก เช่น สภาวะเศรษฐกิจทั่วๆ ไปและกรณีพิเศษต่างๆ ด้วย เป็นต้น
พนักงานคลังสินค้าควรจะตรวจสอบสินค้าที่มีอยู่จริงว่าตรงกับบัญชีของคอมพิวเตอร์หรือไม่ถ้ามีความแตกต่างกันเล็กน้อยก็อาจจะปรับบัญชีของคอมพิวเตอร์ให้ตรงกับของจริงเป็นครั้งคราวแต่ถ้าแตกต่างกันมากก็จะต้องสืบหาเหตุผล
ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมวัสดุคงคลังแล้วก็อาจใช้ชุดคำสั่งเดียวกันนั้น ช่วยในการจัดซื้อได้ด้วยอย่างไรก็ตามผู้บริหารควรตรวจดูจำนวนและชนิดสินค้าที่คอมพิวเตอร์เสนอให้ซื้อและเปลี่ยนแปลงแก้ไขบ้างตามสภาวะเศรษฐกิจและสภาวะธุรกิจที่ผู้บริหารทราบดีกว่าคอมพิวเตอร์ถ้าผู้บริหารเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการสั่งซื้อก็ควรแก้รายการในคอมพิวเตอร์ให้ตรงกันด้วย
จากนั้นคอมพิวเตอร์ก็อาจพิมพ์จดหมายสั่งซื้อสินค้าและจัดทำแฟ้มสั่งสินค้าเมื่อสินค้าที่สั่งมาถึงคลัง พนักงานรับสินค้าจะต้องตรวจของว่าถูกต้องตามที่สั่งหรือไม่ แล้วแจ้งให้คอมพิวเตอร์ทราบเพื่อจัดแฟ้มรับสินค้าและหักบัญชีจากแฟ้มสั่งสินค้าพร้อมทั้งพิมพ์รายงานว่า สินค้าชนิดใดได้รับแล้วชนิดใดยังไม่ได้รับชนิดใดสั่งไปนานเท่าใดแล้วปกติควรจะใช้เวลาเท่าใดรายงานนี้อาจนำมาใช้จัดลำดับผู้ผลิตว่าบริษัทผู้ผลิตใดบริการดีหรือไม่ดีอย่างไรเพื่อจะได้เลือกสั่งสินค้าจากผู้ผลิตที่บริการดีในภายหลัง
นอกจากสินค้าที่สั่งจากผู้ผลิตภายนอกแล้วบางบริษัทอาจผลิตสินค้าบางอย่างขึ้นเองหรือนำสินค้าที่สั่งจากภายนอกมาบรรจุขวดหรือกล่องที่มีขนาดเล็กลงการผลิตสินค้านี้อาจแบ่งเป็น ๒ แบบ คือ ผลิตตามที่ลูกค้าสั่ง (manufacture-to-order) และผลิตเข้าคลัง (manufacture-to- stock) ในการนี้เราอาจใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจัดวาระการผลิตสินค้าเพื่อให้ผลิตสินค้าได้ทันตามกำหนดเวลาที่ตกลงไว้กับลูกค้า หรือให้มีพอขายจากคลัง
คอมพิวเตอร์อาจต้องออกกำหนดการผลิตระบุว่าจะต้องผลิตอะไร เมื่อใดก่อนหรือหลังสิ่งใดถ้าไม่ใช้คอมพิวเตอร์ก็อาจทำกำหนดการผลิตได้แต่จะเสียเวลามากและอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรคอมพิวเตอร์จะแปลความต้องการสินค้าเป็นความต้องการทางด้านงานต่างๆ ว่าสินค้า ใดจะต้องผลิตเป็นจังหวะอย่างไรแยกเป็นงานย่อยอย่างไรจะแบ่งพนักงานออกทำงานทางใดเมื่อใดเมื่องานใดเสร็จคอมพิวเตอร์ก็จะจัดการปรับกำหนดต่างๆ ให้สอดคล้องกันด้วย
การใช้คอมพิวเตอร์จะช่วยให้ประสิทธิภาพของโรงงานดีขึ้น เช่น แทนที่จะทำงานที่ ๑ ตามด้วยงานที่ ๒ งาน ที่ ๓ เรื่อยๆ ไปตามใบสั่งคอมพิวเตอร์อาจจะช่วยวิเคราะห์ก่อนว่างานที่ ๑ กับที่ ๓ และที่ ๕ เป็นงานแบบเดียวกันควรจัดกำหนดการทำติดต่อกันไปให้เสร็จแล้วจึงค่อยทำงานที่ ๒ และที่ ๔ ซึ่งทำให้เสียเวลาปรับเครื่องน้อยลงดังนี้ เป็นต้นเมื่อประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น ราคาค่าผลิตก็จะต่ำลงเป็นประโยชน์ทั้งด้านผู้ผลิต ผู้ขาย และผู้ซื้อ
จากการใช้คอมพิวเตอร์จัดวาระการผลิตสินค้าและจากบัตรลงเวลาที่ใช้ในการทำบัญชีเงินเดือนเราอาจให้คอมพิวเตอร์ช่วยวิเคราะห์ต่อไปอีกขั้นหนึ่งว่าพนักงานผู้ใดทำงานชนิดใดได้ผลดีทำงานชนิดใดได้ผลไม่ดีเพื่อเก็บข้อมูลเหล่านี้ ไว้ใช้ในการจัดให้ผู้ใดทำงานอะไรอย่างไรต่อไป
นอกจากนี้ ยังอาจให้ตีราคางานที่กำลังทำอยู่และที่ทำเสร็จไปแล้วการตีราคางานที่กำลังทำอยู่นั้นอาจจะใช้เป็นประโยชน์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงงานที่ยังเหลือ เช่น สินค้าชนิดหนึ่งมีผู้สั่งจำนวนมากในราคาหนึ่งเมื่อทำไปได้เพียงครึ่งเดียวปรากฏว่าค่าแรงค่าวัสดุสูงกว่าที่คาดไว้มากฝ่ายบริหารก็จะได้พิจารณาว่ามีทางเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อลดค่าใช้จ่ายของส่วนที่ยังเหลือได้หรือไม่ถ้าทำไม่ได้ก็จะได้รีบขึ้นราคาสินค้าชนิดนั้นก่อนที่จะมีผู้สั่งเพิ่มเติมการตีราคางานที่เสร็จแล้วนั้นอาจจะนำมาใช้วัดสมรรถภาพของหน่วยงานต่างๆ ได้ด้วย
ผลการใช้คอมพิวเตอร์จัดบุคลากรและตีราคางานนี้จะช่วยให้บริษัทควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างใกล้ชิดและช่วยในการพิจารณาการตัดรายจ่ายว่าควรตัดทางด้านใดอย่างไร
การใช้คอมพิวเตอร์ในโรงงานอุตสาหกรรมนี้รวมถึงการใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรมด้วย